ตั้งอยู่ในพื้นที่ 2 ตำบลคือ ตำบลนาบัว ตำบลสวาย มีเนื้อที่ 1,975 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาสวายท้องที่ตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ "พนมสวาย" เป็นคำภาษาพื้นที่เมืองสุรินทร์ "พนม" แปลว่าภูเขา "สวาย" แปลว่า "มะม่วง" ในหมู่พนมสวายประกอบด้วภูเขา 3 ลูกติดต่อกันซึ่งมีมีชื่อพื้นเมืองเรียกแตกต่างกันไป ได้แก่ "พนมกรอล" แปลว่า "เขาคอก" มีความสูงประมาณ 150 เมตร "พนมเปร๊า แปลว่า "เขาชาย" มีความสูงประมาณ 220 เมตร "พนมสรัย" แปลว่า "เขาหญิง" มีความสูงประมาณ 210 เมตร รวมกันทั้ง 3 ลูก มีชื่อว่า เขาพนมสวาย ความจริงคือ พนมสวายคือ ภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว จึงมีลานหินกระจายทั่วไป เนื่องจากวนอุทยานพนมสวายได้สำรวจทั่วบริเวณวนอุทยานพบว่า มีต้นกล้วยไม้ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก ทางวนอุทยานได้จัดต้นกล้วยไม้ป่า มาติดไว้ตามต้นไม้ต่างๆ ริมถนน ริมลานจอดรถบ้าง วนอุทยานพนมสวาย ถือว่าเป็นวนอุทยานเฉลิมพระเกียรติแห่งหนึ่งในประเทศไทย และเป็นสถานที่แสวงบุญของชาวไทยที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เขตอุทยานพนมสวาย เขาพนมสวาย เป็นภูเขาที่โผล่ขึ้นมาโดดๆบนที่ราบทำนาของจังหวัดสุรินทร์ ห่างจากเทือกเขาพนมดงรักประมาณ 50 กิโลเมตร ห่างจากเขาพนมรุ้งประมาณ ๕๐ กิโลเมตร (สามารถมองเห็นพนมรุ้ง และเขากระโดงได้ที่ด้านหลังพระพุทธสุรินทร์มงคล จนเห็นเทือกเขาพนมดงรัก และ เขาพระวิหาร) และอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ ๒๒ กิโลเมตร
วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554
ตลาดช่องจอม
ตลาดช่องจอม เป็นตลาดที่อยู่ติดชายแดน ไทย เขมรค่ะ จากตลาดช่องจอมไปเขมร ห่างกันแค่ 1,200 เมตรค่ะ ข้ามไปก็เป็นเขมรแล้ว ตลาดช่องจอมอยู่ในเขตจังหวัดสุรินทร์ค่ะ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 40-50 ก.ม. (สายน้ำจำไม่ได้ค่ะ เข้าใจนะคะคนป่วยเที่ยวค่ะ) บรรยากาศสองข้างทางไปยังตลาดช่องจอม สดชื่นค่ะ ยังเป็นทุ่งนา กับป่าไม้อยู่เลย วันที่ไปโชคดีตรงที่เดินตลาดไม่มีฝน และผู้คนก็น้อยด้วย เลยเดินสบาย ๆ แต่ในตลาดพ่อค้าแม่ค้านี่พูดภาษาเขมรกัน
ประวัติโรงเรียนแนงมุดวิทยา
โรงเรียนแนงมุดวิทยา เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำตำบลแนงมุด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เดิมสังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เปิดทำการสอนเมื่อปีการศึกษา 2532 อาศัยอาคารและสถานที่โรงเรียนของโรงเรียนบ้านแนงมุด สังกัด สปอ.กาบเชิง สปจ.สุรินทร์ โดยในระยะเริ่มแรกมีอาจารย์ ประชุม เหลี่ยมดี และคณะครูจากโรงเรียนกาบเชิงวิทยา มาทำหน้าที่ดำเนินการจักการเรียนการสอน โดยการบริหารอยู่ภายใต้ความดูแลของ นายถวัลย์ มีมาก อาจารย์ใหญ่์โรงเรียนกาบเชิงวิทยาต่อมาได้ส่ง นายหัสชัย สุพรรณภพ ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ โรงเรียนกาบเชิงวิทยา มาดูแลการจัดการเรีนยการสอน ปีการศึกษา 2533 ด้วยความร่วมของคณะกรรมการสภาตำบลแนงมุด ประกอบด้วย
นาย วงศ์ จันทร์ปล้อง ประธานสภาตำบลแนงมุดไ้ด้ย้ายมาบุกเบิกพื้นที่ทำเลเลี้ยงสัตว
ห้วยตาพราน หมู่ที่ 9 ตำบลแนงมุด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ในพื้นที่ 75 ไร่
เป็นที่ตั้งโรงเรียน
นาย วงศ์ จันทร์ปล้อง ประธานสภาตำบลแนงมุดไ้ด้ย้ายมาบุกเบิกพื้นที่ทำเลเลี้ยงสัตว
ห้วยตาพราน หมู่ที่ 9 ตำบลแนงมุด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ในพื้นที่ 75 ไร่
เป็นที่ตั้งโรงเรียน
ประวัติปราสาทตาเมือน
ตั้งอยู่ที่บ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง เป็นโบราณสถานแบบขอม 3 หลัง ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ติดแนวชายแดนประเทศไทยและกัมพูชา การเดินทางจากจังหวัดสุรินทร์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 214 ผ่านอำเภอปราสาท แยกไปตามทางหลวงหมายเลข 2121 ที่จะไปอำเภอบ้านกรวดประมาณ 25 กิโลเมตร มีทางแยกที่บ้านตาเมียง ไปอีก 13 กิโลเมตรปราสาทตาเมือน เป็นสิ่งก่อสร้างที่เชื่อว่าคือที่พักคนเดินทางแห่งหนึ่งใน 17 แห่งที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 มหาราชองค์สุดท้ายแห่งเมืองพระนครโปรดให้สร้างขขึ้นจากเมืองยโสธรปุระ เมืองหลวงของอาณาจักรขอมโบราณไปยังเมืองพิมายปราสาทตาเมือนสร้างด้วยศิลาแลงเช่นเดียวกับโบราณสถานสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่พบในดินแดนประเทศไทย มีลักษณะเป็นปรางค์องค์เดียวมีห้อยยาวเชื่อมต่อมาทางด้านหน้า ผนังด้านหนึ่งปิดทึบ แต่สลักเป็นหน้าต่างหลอก ส่วนอีกด้านมีหน้าต่างเรียงกันโดยตลอด เคยมีผู้พบทับหลังเป็นรูปพระพุทธรูปปางสมาธิในซุ้มเรือนแก้ว 2-3 ชิ้น
วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2554
สาเหตุนำท่วม
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร พอจะสรุปได้ดังต่อไปนี้
- กรุงเทพมหานครตั้งอยู่ในเขตมรสุม นอกจากฝนที่ได้รับอิทธิพลมาจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งมีปริมาณฝนเฉลี่ยทั้งปี ประมาณ 1,400 มม.
แล้วยังมีฝนที่มาจากพายุโซนร้อน และดีเปรสชั่น ฝนที่ตกหนักในระยะเวลาอันสั้นส่งผลให้เกิด น้ำท่วมขังชั่วคราว - ปริมาณน้ำท่าจากทางเหนือที่ไหลผ่านกรุงเทพมหานคร ในปีที่น้ำน้อยจะประมาณ 1,000 - 2,000 ลบ.ม./วินาที ส่วนในปีที่น้ำมากจะประมาณ
4,000 - 5,000 ลบ.ม./วินาที ในขณะที่แม่น้ำเจ้าพระยามีความสามารถในการลำเลียงน้ำได้โดยไมล้นตลิ่งประมาณ 2,000 - 3,000
ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำที่มากกว่าความสามารถในการลำเลียงของแม่น้ำเป็นเหตุให้ เกิดน้ำท่วมบริเวณริมแม่น้ำ - ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้ำพระยาขึ้นอยู่กับอิทธิพลการขึ้นลงของระดับน้ำทะเล ซึ่งสามารถหนุนได้สูงถึง 2.1 ม.รทก. (ระดับน้ำทะเลปานกลาง)
ถ้าน้ำทะเลหนุนในช่วงระยะเวลาเดียวกับน้ำเหนือไหลผ่าน จะทำให้น้ำล้นท่วมตลิ่งได้ในฤดูน้ำหลาก - ลักษณะทางกายภาพของเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต ชุมชนเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีปัญหาการใช้ที่ดินไม่ถูกต้อง เช่น ถมที่เพื่อการก่อสร้าง
การรุกล้ำคลองสาธารณะ ส่งผลให้เส้นทางลำเลียงน้ำลดลง ระบบระบายน้ำเดิมไม่สามารถรอง รับการขยายตัวของชุมชนได้ทัน - ปัญหาแผ่นดินทรุดเนื่องจากการสูบน้ำบาดาล ทำให้พื้นที่ในกรุงเทพฯ เดิมซึ่งเป็นพื้นที่ราบต่ำอยู่แล้วทรุดตัวลงมากกว่าเดิม เมื่อเกิดน้ำท่วมขัง
จึงยากที่จะระบายออกจากพื้นที่ได้
วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ความหมายของe-book
ความหมายของ e-Book
“อีบุ๊ค” (e-book, e-Book, eBook, EBook,) เป็นคำภาษาต่างประเทศ ย่อมาจากคำว่า electronic book หมายถึง หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์ คุณลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยงจุดไปยังส่วนต่างๆ ของหนังสือ เว็บไซต์ต่างๆ ตลอดจนมีปฏิสัมพันธ์และโต้ตอบกับผู้เรียนได้ นอกจากนั้นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถแทรกภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว แบบทดสอบ และสามารถสั่งพิมพ์เอกสารที่ต้องการออกทางเครื่องพิมพ์ได้ อีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะไม่มีในหนังสือธรรมดาทั่วไป
“อีบุ๊ค” (e-book, e-Book, eBook, EBook,) เป็นคำภาษาต่างประเทศ ย่อมาจากคำว่า electronic book หมายถึง หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยปกติมักจะเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์ คุณลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยงจุดไปยังส่วนต่างๆ ของหนังสือ เว็บไซต์ต่างๆ ตลอดจนมีปฏิสัมพันธ์และโต้ตอบกับผู้เรียนได้ นอกจากนั้นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถแทรกภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว แบบทดสอบ และสามารถสั่งพิมพ์เอกสารที่ต้องการออกทางเครื่องพิมพ์ได้ อีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยได้ตลอดเวลา ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะไม่มีในหนังสือธรรมดาทั่วไป
วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554
การดูแลสุขภาพผิว
9 ระบบสำคัญในร่างกายบ่งบอกได้จากผิวหน้า (Twenty-Four Seven)
ปัจจุบันการดูแลความงามของผิวพรรณไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้หญิง ดังนั้น ผู้ชายก็หันมาให้ความใส่ใจกับการดูแลสุขภาพผิวได้เช่นกัน ปัญหาสภาพผิวหน้าที่เราเห็นจากภายนอก จะสะท้อนถึงสุขภาพของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย เป็นภูมิปัญญาในศาสตร์ของจีนโบราณ โดยตอนนี้มีเครื่องมือใหม่เรียกว่า "เฟส แม็ปปิ้ง" เน้นการวิเคราะห์สุขภาพผิวหน้าควบคู่ไปกับปัญหาของสุขภาพร่างกาย ซึ่งจะแบ่งความสัมพันธ์ของผิวหน้าและระบบต่าง ๆ ทั่วร่างกายออกเป็น 9 โซน
โซนหน้าผาก : สัมพันธ์กับระบบการย่อยอาหารและกระเพาะปัสสาวะ หากผิวบริเวณนี้เกิดสิวอักเสบ หรือผิวหน้าแห้งกร้านบ่อย ๆ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น เพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย หมั่นออกกำลังกาย และทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
โซนคิ้ว : สัมพันธ์กับการทำงานของตับ ปัญหาผิวหน้าที่เกิดบริเวณนี้ มักเป็นปัญหาสิวอุดตัน ซึ่งเกิดจากการพักผ่อนน้อย และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือทานอาหารที่มีไขมันสูง
โซนใบหู : สัมพันธ์กับการทำงานของไต ถ้าใบหูแดงหรือร้อน ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ และควรลดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
โซนแก้ม : สัมพันธ์กับระบบทางเดินหายใจและปอด คนที่ชอบสูบบุหรี่หรือมีอาการภูมิแพ้ มักพบว่ามีอาการเส้นเลือดฝอยแตก หรือเกิดการอุดตันของเส้นเลือดฝอย ทำให้ผิวหน้าบริเวณนั้นหมองคล้ำ
โซนดวงตา : สัมพันธ์กับการทำงานของไต ปัญหาผิวที่เกิดบริเวณนี้ มักเป็นเรื่องรอบดวงตาคล้ำ ซึ่งอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ หรือเกิดจากการขาดน้ำของร่างกาย และระบบขับถ่ายของร่างกายทำงานไม่ปกติ
โซนจมูกและริมฝีปาก : สัมพันธ์กับความดันโลหิต ส่วนใหญ่มักเกิดปัญหาสิวอุดตัน สิวบวมแดง บริเวณจมูก และริมฝีปาก ดังนั้น ควรดื่มน้ำและพักผ่อนให้มาก เพื่อปรับสภาพความดันโลหิตของร่างกายให้เป็นปกติ
โซนกรามทั้ง 2 ข้าง : สัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเพศหญิงที่มีรอบเดือน มักจะเกิดปัญหาผิวหน้าบริเวณนี้
โซนคาง : สัมพันธ์กับการทำงานของลำไส้เล็ก มักเกิดอาการแดงของผิวหนัง หรือมีสิวอุดตัน เป็นผลมาจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบย่อยอาหาร ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ย่อยยากและมีรสจัด
โซนหน้าอกและลำคอ : สัมพันธ์กับระบบทางเดินอาหาร มักเกิดปัญหาอาการแดงและผื่นคัน ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
ปัจจุบันการดูแลความงามของผิวพรรณไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้หญิง ดังนั้น ผู้ชายก็หันมาให้ความใส่ใจกับการดูแลสุขภาพผิวได้เช่นกัน ปัญหาสภาพผิวหน้าที่เราเห็นจากภายนอก จะสะท้อนถึงสุขภาพของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย เป็นภูมิปัญญาในศาสตร์ของจีนโบราณ โดยตอนนี้มีเครื่องมือใหม่เรียกว่า "เฟส แม็ปปิ้ง" เน้นการวิเคราะห์สุขภาพผิวหน้าควบคู่ไปกับปัญหาของสุขภาพร่างกาย ซึ่งจะแบ่งความสัมพันธ์ของผิวหน้าและระบบต่าง ๆ ทั่วร่างกายออกเป็น 9 โซน
โซนหน้าผาก : สัมพันธ์กับระบบการย่อยอาหารและกระเพาะปัสสาวะ หากผิวบริเวณนี้เกิดสิวอักเสบ หรือผิวหน้าแห้งกร้านบ่อย ๆ ควรดื่มน้ำให้มากขึ้น เพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย หมั่นออกกำลังกาย และทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
โซนคิ้ว : สัมพันธ์กับการทำงานของตับ ปัญหาผิวหน้าที่เกิดบริเวณนี้ มักเป็นปัญหาสิวอุดตัน ซึ่งเกิดจากการพักผ่อนน้อย และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือทานอาหารที่มีไขมันสูง
โซนใบหู : สัมพันธ์กับการทำงานของไต ถ้าใบหูแดงหรือร้อน ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ และควรลดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
โซนแก้ม : สัมพันธ์กับระบบทางเดินหายใจและปอด คนที่ชอบสูบบุหรี่หรือมีอาการภูมิแพ้ มักพบว่ามีอาการเส้นเลือดฝอยแตก หรือเกิดการอุดตันของเส้นเลือดฝอย ทำให้ผิวหน้าบริเวณนั้นหมองคล้ำ
โซนดวงตา : สัมพันธ์กับการทำงานของไต ปัญหาผิวที่เกิดบริเวณนี้ มักเป็นเรื่องรอบดวงตาคล้ำ ซึ่งอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ หรือเกิดจากการขาดน้ำของร่างกาย และระบบขับถ่ายของร่างกายทำงานไม่ปกติ
โซนจมูกและริมฝีปาก : สัมพันธ์กับความดันโลหิต ส่วนใหญ่มักเกิดปัญหาสิวอุดตัน สิวบวมแดง บริเวณจมูก และริมฝีปาก ดังนั้น ควรดื่มน้ำและพักผ่อนให้มาก เพื่อปรับสภาพความดันโลหิตของร่างกายให้เป็นปกติ
โซนกรามทั้ง 2 ข้าง : สัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเพศหญิงที่มีรอบเดือน มักจะเกิดปัญหาผิวหน้าบริเวณนี้
โซนคาง : สัมพันธ์กับการทำงานของลำไส้เล็ก มักเกิดอาการแดงของผิวหนัง หรือมีสิวอุดตัน เป็นผลมาจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบย่อยอาหาร ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ย่อยยากและมีรสจัด
โซนหน้าอกและลำคอ : สัมพันธ์กับระบบทางเดินอาหาร มักเกิดปัญหาอาการแดงและผื่นคัน ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ข่าววันนี้
วันวิทยาศาสตร์
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้เริ่มมีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2525 โดย
มติของคณะรัฐมนตรี ให้มีวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2525
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็น
"พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" วันวิทยาศาสตร์แห่งชาตินี้เป็นเพราะพระองค์ทรง
คำนวณการเกิดสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม
พ.ศ.2411 ได้อย่างแม่นยำ และต่อมาได้มีการสร้าง "อุทยานวิทยาศาสตร์" ที่ บ้านหว้ากอ
ที่มาของชื่อ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่ออุทยานนี้ว่า "อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" และได้รับพระบรมราชานุญาติให้จัด
สร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูปหล่อประทับนั่งบนพระเก้าอี้ฉลอง
พระองค์เครื่องแบบทหารเรือ ชุดเดียวกับวันที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาบ้านหว้ากอ เพื่อเป็นการระลึกถึง
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้เริ่มมีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2525 โดย มติของคณะรัฐมนตรี ให้มีวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2525 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็น "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" วันวิทยาศาสตร์แห่งชาตินี้เป็นเพราะพระองค์ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2411 ได้อย่างแม่นยำ และต่อมาได้มีการสร้าง "อุทยานวิทยาศาสตร์" ที่ บ้านหว้ากอ ต่อไปมาศึกษาที่มาของวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ที่มาของชื่อ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่ออุทยานนี้ว่า "อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" และได้รับพระบรมราชานุญาติให้จัดสร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูปหล่อประทับนั่งบนพระเก้าอี้ฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเรือ ชุดเดียวกับวันที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาบ้านหว้ากอ เพื่อเป็นการระลึกถึง วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้เริ่มมีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2525 โดย มติของคณะรัฐมนตรี ให้มีวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2525 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็น "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" วันวิทยาศาสตร์แห่งชาตินี้เป็นเพราะพระองค์ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2411 ได้อย่างแม่นยำ และต่อมาได้มีการสร้าง "อุทยานวิทยาศาสตร์" ที่ บ้านหว้ากอ ต่อไปมาศึกษาที่มาของวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ที่มาของชื่อ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่ออุทยานนี้ว่า "อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" และได้รับพระบรมราชานุญาติให้จัดสร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูปหล่อประทับนั่งบนพระเก้าอี้ฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเรือ ชุดเดียวกับวันที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาบ้านหว้ากอ เพื่อเป็นการระลึกถึง วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
มติของคณะรัฐมนตรี ให้มีวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2525
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็น
"พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" วันวิทยาศาสตร์แห่งชาตินี้เป็นเพราะพระองค์ทรง
คำนวณการเกิดสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม
พ.ศ.2411 ได้อย่างแม่นยำ และต่อมาได้มีการสร้าง "อุทยานวิทยาศาสตร์" ที่ บ้านหว้ากอ
ที่มาของชื่อ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่ออุทยานนี้ว่า "อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" และได้รับพระบรมราชานุญาติให้จัด
สร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูปหล่อประทับนั่งบนพระเก้าอี้ฉลอง
พระองค์เครื่องแบบทหารเรือ ชุดเดียวกับวันที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาบ้านหว้ากอ เพื่อเป็นการระลึกถึง
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้เริ่มมีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2525 โดย มติของคณะรัฐมนตรี ให้มีวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2525 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็น "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" วันวิทยาศาสตร์แห่งชาตินี้เป็นเพราะพระองค์ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2411 ได้อย่างแม่นยำ และต่อมาได้มีการสร้าง "อุทยานวิทยาศาสตร์" ที่ บ้านหว้ากอ ต่อไปมาศึกษาที่มาของวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ที่มาของชื่อ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่ออุทยานนี้ว่า "อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" และได้รับพระบรมราชานุญาติให้จัดสร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูปหล่อประทับนั่งบนพระเก้าอี้ฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเรือ ชุดเดียวกับวันที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาบ้านหว้ากอ เพื่อเป็นการระลึกถึง วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติได้เริ่มมีขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2525 โดย มติของคณะรัฐมนตรี ให้มีวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2525 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็น "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย" วันวิทยาศาสตร์แห่งชาตินี้เป็นเพราะพระองค์ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2411 ได้อย่างแม่นยำ และต่อมาได้มีการสร้าง "อุทยานวิทยาศาสตร์" ที่ บ้านหว้ากอ ต่อไปมาศึกษาที่มาของวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ที่มาของชื่อ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่ออุทยานนี้ว่า "อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" และได้รับพระบรมราชานุญาติให้จัดสร้าง พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูปหล่อประทับนั่งบนพระเก้าอี้ฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเรือ ชุดเดียวกับวันที่พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาบ้านหว้ากอ เพื่อเป็นการระลึกถึง วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ
อาหารเพื่อสุขภาพ
1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน
และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญ
พลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง
2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน
ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมัน
อิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ)
เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอด
วันเลยทีเดียว
4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จาก
ถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก
ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง
แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนม
หวานเป็นไหนๆ
6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้อง
ที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3
เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ
การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%
8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า
สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว
เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย
9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง
เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง
ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด
10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็น
ของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุม
อยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง
และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญ
พลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง
2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน
ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมัน
อิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ)
เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอด
วันเลยทีเดียว
4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จาก
ถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก
ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง
แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนม
หวานเป็นไหนๆ
6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้อง
ที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3
เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ
การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%
8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า
สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว
เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย
9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง
เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง
ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด
10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็น
ของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุม
อยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง
วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554
แด่แม่ที่รัก
รักอื่นใดไหนเล่าเท่ารักแม่
บริสุทธิ์เที่ยงแท้แน่หนักหนา
ส่งลูกเรียนจนเติบใหญ่ได้วิชา
เหนื่อยกายาลำบากตนสู้ทนไป
แม้งานหนักเหน็ดเหนื่อยล้นทนดวงจิต
เพื่อชีวิตของลูกน้อยที่สดใส่
ขอเพียงแต่ให้ลูกจงตั้งใจ
หมั่นเพียรไปเรียนหนังสือให้ถูกทาง
อยากให้เรานึกถึงแม่กันสักนึด
แม่ไม่คิดปล่อยเราให้อ้างว้าง
อยากให้รู้ความรักแม่ไม่จืดจาง
ทดแทนคุณแม่บ้างตั้งใจเรียน
บริสุทธิ์เที่ยงแท้แน่หนักหนา
ส่งลูกเรียนจนเติบใหญ่ได้วิชา
เหนื่อยกายาลำบากตนสู้ทนไป
แม้งานหนักเหน็ดเหนื่อยล้นทนดวงจิต
เพื่อชีวิตของลูกน้อยที่สดใส่
ขอเพียงแต่ให้ลูกจงตั้งใจ
หมั่นเพียรไปเรียนหนังสือให้ถูกทาง
อยากให้เรานึกถึงแม่กันสักนึด
แม่ไม่คิดปล่อยเราให้อ้างว้าง
อยากให้รู้ความรักแม่ไม่จืดจาง
ทดแทนคุณแม่บ้างตั้งใจเรียน
วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ข่าวที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
ดังสุดๆๆเหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิด ดังทั่วโลก!!!เดือดร้อนชิบหายหมด ไม่มีใครฟังใคร พังทิ้งไปเลยไม่มีใครได้ซักคนมาสร้างเรื่องกันทำไมตอนนี้ ตอนแรกเสือกไม่รู้จักทำอะไรซักอย่างหน้าด้านชัดๆเห็นๆเลยคนที่เขาไม่รู้เรื่องเขาเดือดร้อนไปด้วยเลยเซ็งๆๆๆ สร้างภาพชัดๆ
วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ยินดีต้อนรับคณะกรรมการทุกท่าน
ดิฉันยินดีต้อนรับคณะกรรมการทุกท่าน
ที่มาดูงานและประเมินโรงเรียนของดิฉันดิฉัน
ก็อยากจะขอขอบคุณคณะกรรมการทุกท่านค่ะ
สถานที่โรงเรียนของดิฉันนั้นอาจจะมีบางพื้น
ที่ยังทำการปรับปรุงอยู่ แต่ก็อยากจะขอให้การ
ประเมินครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี ดิฉันก็อยู่ LAB
คอมพิวเตอร์ LAB คอมพิวเตอร์ของเรานั้น
มีกิจกรรมอยู่ 6 กิจกรรมคือ การสืบค้นข้อมูล
การออกแบบผลิตภัณท์ การสร้างเว็บไซต์
การสร้างหนังสือe-book การตัดต่อวีดีโอ
และการสร้างการ์ตูนเอนิเมชั่นด้วยแฟลต
โรงเรียนแนงมุดวิทยา
ที่มาดูงานและประเมินโรงเรียนของดิฉันดิฉัน
ก็อยากจะขอขอบคุณคณะกรรมการทุกท่านค่ะ
สถานที่โรงเรียนของดิฉันนั้นอาจจะมีบางพื้น
ที่ยังทำการปรับปรุงอยู่ แต่ก็อยากจะขอให้การ
ประเมินครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี ดิฉันก็อยู่ LAB
คอมพิวเตอร์ LAB คอมพิวเตอร์ของเรานั้น
มีกิจกรรมอยู่ 6 กิจกรรมคือ การสืบค้นข้อมูล
การออกแบบผลิตภัณท์ การสร้างเว็บไซต์
การสร้างหนังสือe-book การตัดต่อวีดีโอ
และการสร้างการ์ตูนเอนิเมชั่นด้วยแฟลต
โรงเรียนแนงมุดวิทยา
วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
Happy Valentine' day
คำบอกรักภาษาต่าง ๆ
ภาษาไทย เรียกว่า ฉัน รัก คุณ
ภาษาอังกฤษ เรียกว่า ไอ เลิฟ ยู(I love you)
ภาษาพม่า เรียกว่า จิต พา เด(chit pa de)
เขมร เรียกว่า บอง สรัน โอน(Bon sro Iahn oon)
เวียดนาม เรียกว่า ตอย ยิ่ว เอ๋ม(Toi yue em)
มาเลเซีย เรียกว่า ซายา จินตามู(Saya cintamu)
อินโดนีเซีย เรียกว่า ซายา จินตา ปาดามู (Saya cinta padamu)
ฟิลิปปินส์ เรียกว่า มาฮัล กะ ตา (Mahal ka ta)
ญี่ปุ่น เรียกว่า คิมิ โอ ไอ ชิเตรุ(Kimi o ai shiteru)
เกาหลี เรียกว่า โน รุย สะรัง เฮ(No-rui sarang hae)
เยอรมัน เรียกว่า อิคช์ ลิบ ดิกช์(Ich Liebe Dich)
ฝรั่งเศส เรียกว่า เฌอแตม(Je t''''aime)
ฮอลแลนด์ (ดัชต์)เรียกว่า อิค เฮา ฟาวน์ เยา (Ik hou van jou)
สวีเดน เรียกว่า ย็อก แอลสการ์ เด (Jag a Lskar dig)
อิตาลี เรียกว่า ติ อโม (Ti amo)
สเปน เรียกว่า เตอ เควียโร(Te quiero)
รัสเซีย เรียกว่า ยาวาส ลุยบลิอู (Ya vas Liubliu)
โปรตุเกส เรียกว่า อโม-เท(Amo-te)
จีนกลาง เรียกว่า หว่อ อ้าย หนี่(Wo ai ni)
จีนแคะ เรียกว่า ไหง อ้อย หงี(Ngai oi ngi)
ฮกเกี้ยน เรียกว่า อั๊ว ไอ้ ลู่(Auo ai Lu)
ตุรกี เรียกว่า เซนี เซวีโยรัม(Seni Seviyorum)
ภาษาไทย เรียกว่า ฉัน รัก คุณ
ภาษาอังกฤษ เรียกว่า ไอ เลิฟ ยู(I love you)
ภาษาพม่า เรียกว่า จิต พา เด(chit pa de)
เขมร เรียกว่า บอง สรัน โอน(Bon sro Iahn oon)
เวียดนาม เรียกว่า ตอย ยิ่ว เอ๋ม(Toi yue em)
มาเลเซีย เรียกว่า ซายา จินตามู(Saya cintamu)
อินโดนีเซีย เรียกว่า ซายา จินตา ปาดามู (Saya cinta padamu)
ฟิลิปปินส์ เรียกว่า มาฮัล กะ ตา (Mahal ka ta)
ญี่ปุ่น เรียกว่า คิมิ โอ ไอ ชิเตรุ(Kimi o ai shiteru)
เกาหลี เรียกว่า โน รุย สะรัง เฮ(No-rui sarang hae)
เยอรมัน เรียกว่า อิคช์ ลิบ ดิกช์(Ich Liebe Dich)
ฝรั่งเศส เรียกว่า เฌอแตม(Je t''''aime)
ฮอลแลนด์ (ดัชต์)เรียกว่า อิค เฮา ฟาวน์ เยา (Ik hou van jou)
สวีเดน เรียกว่า ย็อก แอลสการ์ เด (Jag a Lskar dig)
อิตาลี เรียกว่า ติ อโม (Ti amo)
สเปน เรียกว่า เตอ เควียโร(Te quiero)
รัสเซีย เรียกว่า ยาวาส ลุยบลิอู (Ya vas Liubliu)
โปรตุเกส เรียกว่า อโม-เท(Amo-te)
จีนกลาง เรียกว่า หว่อ อ้าย หนี่(Wo ai ni)
จีนแคะ เรียกว่า ไหง อ้อย หงี(Ngai oi ngi)
ฮกเกี้ยน เรียกว่า อั๊ว ไอ้ ลู่(Auo ai Lu)
ตุรกี เรียกว่า เซนี เซวีโยรัม(Seni Seviyorum)
วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
เว็บไซต์น่าสนใจ
www.thaiclinic.com เว็บไซต์ด้านสุขภาพ ดูแลรักษาสุขภาพ
www.se-ed.com แหล่งแลกเปลี่ยน ความรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
www.saimlaw.in.th เว็บไซต์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ กฎหมาย ด้านกฎหมาย
www.sanook.com เว็บไซต์ด้านความสนุก สาระ ความรู้และความบันเทิงครบครัน
www.hunsa.com ศูนย์รวมเว็บไซต์และความบันเทิงของเมืองไทยศูนย์รวมทุกที่ที่คุณอยากไป
www.muangthai.com เว็บไซต์เกี่ยวกับด้านการท่องเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ
www.yahoo.com เว็บไซต์ให้บริการค้นหาเว็บไซต์ทั่วโลกให้บริการพื้นที่สร้างโฮมเพจฟรี
www.hotmail.com เว็บไซต์ให้บริการอีเมล์ฟรีทั่วโลก
www.chaiyo.com เว็บไซต์ให้บริการอีเมล์ฟรีของคนไทย
ข่าววันนี้
โจรใต้ฆ่า เจ้าหน้าที่ลำเลียงศพชาวไทยพุทธส่งไปชันสูตรศพที่ รพ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี หลังถูกกลุ่มโจรใต้ยกพวกขับรถกระบะบุกใช้ปืนสงครามกราดยิงถล่มสังหารหมู่ตาย 5 ศพและบาดเจ็บ 3 รายที่ถนนบ้านคอกกระบือ ต.คอกกระบือ ขณะที่ชาวบ้านผวาหนักเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลความปลอดภัยเร่งด่วน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)